บอย ..กับพ่อผู้ทระนง

.
.
"บางครั้งชีวิตก็เลือกเกิดไม่ได้... แต่เราสามารถกำหนดให้มันเป็นไปได้
โชคชะตาคงไม่เล่นตลกกับคนๆเดียวซ้ำซาก แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ"
....

.
หลายครั้งหลายหนที่ฉันเฝ้าคิดถึงคำพูดเหล่านี้วนเวียน เมื่อครั้งใดที่ต้องมาพบกับชายหนุ่มคนนี้ ไม่ใช่โชคชะตาของฉันแต่หมายถึงของเขาและพ่อต่างหาก“น้องบอยกับพ่อ” เป็นคำที่เราชินที่จะใช้เรียกเมื่อพูดถึงเขาเป็นปีมาแล้วที่เราได้รู้จักกัน จะด้วยอะไรก็แล้วแต่น้องบอยกับฉันต้องได้พบปะหน้ากันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งมาเป็นเวลาหลายเดือน เส้นทางถนนสายหลังเขาโรงพยาบาลที่ว่ากันตามจริงมันควรจะใกล้ แต่ในความจริงกว่า..เส้นทางนี้ใช้ไม่ได้ถึงแม้จะมองลงมาเห็นโรงพยาบาลอยู่เบื้องล่าง อย่างไรเสียก็ต้องเลือกทางที่ไกลกว่าหากจะต้องมาพบกันบอยกับพ่อที่ฉันรู้จักในครั้งแรกเป็นคนพูดน้อยพ่อติดจะขี้อายรู้สึกหวาดๆในสายตาไม่ค่อยตอบคำถามได้แต่เสมองไปทางอื่น ส่วนบอยนั้นเขาแทบจะไม่มองหน้าใครไม่พูดด้วยมีเพดานเป็นเพื่อน ทั้งๆที่ทุกคนรู้ว่าสมองเขาไม่ได้มีปัญหาจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ปํญหาเจ้ากรรมมันอยู่ที่บอยสูญเสียการเคลื่อนไหวตั้งแต่ระดับคอลงมาจนถึงเท้า พูดง่ายๆคือถ้าจะขยับก็ทำได้แค่หัวเท่านั้น บอยยังเสียขาขวา และยงมีถุงใช้ถ่ายทางหน้าท้องติดมาด้วย นึกถึงตรงนี้เป็นฉันคงไม่อยากแม้แต่จะคุยกับตัวเอง อย่าว่าแต่คุยกับคนอื่นเลย วันแรกที่พบกันเราจึงทำได้แต่พูดคุยกับพ่อและญาติที่มาด้วยเพราะบอยถูกส่งตัวกลับมาอยู่ที่บ้านจากโรงพยาบาลในเมืองโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรติดมาแจ้งเราเลย ที่บอยได้มาพบเราครั้งนี้ก็เป็นเพราะเกิดเป็นไข้เพราะแผลกดทับเพื่อนบ้านเลยต้องพากันแบกหามลงมาโรงพยาบาล ทำให้เราได้รู้ว่ามีบอยในสภาพนี้มาอยู่ที่หมู่บ้านแล้ว ถ้าครั้งนี้บอยไม่มีไข้เขาคงต้องนอนอยู่ที่บ้านกับพ่อโดยที่เราไม่รู้แน่ๆ
.
.
หลังจากบอยกลับบ้าน ทีมของเราตัดสินใจที่จะติดตามบอยไปที่บ้านแล้วก็พบว่าบ้านหลังเขาที่บอยอยู่เป็นกระต๊อบที่ขอเขาปลูกไว้ท้ายไร่คนอื่น สภาพทรุดโทรม เช่นเคยเราไม่ได้ข้อมูลมากไปกว่านี้ บอยเทียวกลับเข้าโรงพยาบาลอีกเนื่องจากปัญหาติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและแผลกดทับ ฉันได้เห็นหน้าแม่ของบอยเพียงครั้งเดียวในคราวที่บอยมานอนโรงพยาบาลพร้อมคำพูดที่พร่ำบ่นว่าคงจะดูแลบอยไม่ไหว บอยจะเป็นคนพิการไหม ถ้าอย่างไรจะได้เอาไปขึ้นทะเบียนของบช่วยเหลือจากอบต. บอยได้เอกสารรับรองความพิการแน่แต่หลังจากนั้นแม่ของบอยก็จากไปมีครอบครัวใหม่ที่กรุงเทพ บอยต้องอยู่กับพ่อที่ฝึกดูแลทุกอย่าง ทั้งทำแผล เปลี่ยนถุงอึ เช็ดตัวอาบน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศระหว่างพ่อลูกที่ใครเห็นต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่กินเส้น" ถึงแม้จะรู้สึกและเป็นอย่างนั้น ในบางคราวเรายังได้เห็นบอยกับพ่อหยอกล้อกันอย่างเจ็บๆแสบๆคันๆและเปื้อนยิ้มเสมอ  ในบ้านบอยยังมีพี่ชายวัยไม่ห่างกันมากพ่วงด้วยพี่สะใภ้ที่อายุอ่อนกว่าบอยหลายปี หลายครั้งที่พ่อของบอยบอกกับเราว่าภาระทั้งหมดในการดูแลบ้านเป็นของพ่อโยที่พี่ชายบอยและพี่สะใภ้ไม่ได้ช่วยอะไรเลยทั้งหุงหาอาหาร เก็บล้างถ้วยชาม มีเพียงเงินส่วนน้อยนิดของพี่ชายเอามาให้แก้ขัดบ้างแต่มันก็น้อยจนแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย และเมื่อบอยมีสภาพความพิการอย่างนี้ภาระทุกอย่างจึงสุมมาที่พ่อหมด อาชีพที่เคยมีก็ไม่สามารถไปทำได้ เพราะเช้าจรดเย็นต้องคอยดูแลลูกชายคนนี้ตั้งลืมตากันเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าพูดถึงรายได้ก็คงหมดหวังได้แต่ปันจากญาติห่างๆที่เอื้อเฟื้อเจือจานมาบ้างตามสมควรเพราะญาติๆก็ไม่ได้มีฐานะดีไปกว่าบ้านของบอย  บอยมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งถามไปมาพบว่าได้มาจากเงินก้อนที่ได้จากค่าทำขวัญจากอุบัติเหตุครั้งนั้น หวังจะเอามาใช้ในครอบครัว แต่มันก็ยังคงจอดนิ่งอยู่ที่เดิม เพราะพ่อก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไม่เป็น ส่วนพี่ชายก็ออกจากบ้านไปหางานทำที่เมืองกรุงแล้ว 
.
.
.
หลังจากบอยเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเนืองๆด้วยปํญหาเดิมๆ ทีมเราจึงต้องพูดคุยสาเหตุและหาทางแก้ไขร่วมกับบอยและพ่อ เพราะตามสภาพการเดินทางเมื่อบอยมีการเจ็บป่วยฉุกเฉินมันเป็นไปด้วยความลำบาก และบอยเองก็ไม่อยากมาโรงพยาบาลบ่อยนัก ปัญหาของบอยอาจดูจะแก้ง่าย เช่น ต้องดื่มน้ำมากๆเพื่อลดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ต้องพลิกตัวบ่อยๆเพื่อไม่ให้เกิดแผล แต่สำหรับบอยและพ่อ มันไม่ใช้เรื่องง่ายลำพังการพลิกตัวบอยพ่อพอจะช่วยได้แต่นานวันเข้าก็แทบจะหมดแรง  ส่วนการกินน้ำสำหรับบอยมันช่างลำบากเพราะไม่สามารถใช้มือหยิบจับได้เลยยกได้แค่ท่อนแขนมาถึงอกตัวเองเท่านั้น และที่สำคัญบอยไม่อยากกินน้ำเพราะ “มันไม่อร่อย” จะให้พ่อมาคอยป้อนให้บอยก็ไม่เอา กลางคืนหิวน้ำจะปลุกพ่อก็ใช่ที่ บอยก็เลยอดน้ำอยู่อย่างนั้น แถมน้ำที่บ้านที่ใช้กินเป็นน้ำภูเขา สดจากภูดังนั้นตะกอนหินปูนจึงมีมาก เลยส่งเสริมให้บอยต้องกลับมาที่โรงพยาบาลบ่อยๆ เมื่อพูดคุยเพื่อพบกันครึ่งทาง ทีมจึงสนับสนุนโดยหาเตียงโรงพยาบาลที่สะดวกสำหรับพ่อที่จะพาบอยลุกนั่งบ้าง ทำเตียงที่นอนลมลูกโป่งลดการเกิดแผลกดทับ เพราะแผลที่กินลึกถึงกล้ามเนื้อเริ่มกระจายไปหลายที่ ด้วยการดูแลจัดทำของกองทุนดูแลสุขภาพและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุของอำเภอ ส่วนตัวของบอยเพื่อให้กินน้ำด้วยตัวเองได้มากขึ้น นักกิจกรรมบำบัดจึงคิดทำที่ช่วยดื่มน้ำให้บอย ซึ่งเราลองกันอยู่หลายแบบจนถึงแบบที่บอยพอใจ ที่จะใช้มันเพื่อกินน้ำด้วยตัวเองบ่อยขึ้น ประกอบกับบอยค้นพบความจริงที่เราพร่ำบอกแล้วว่าถ้ากินน้ำมาก ก็จะติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะน้อยลง ช่วงหลังๆบอยจึงไม่ค่อยได้แวะเวียนมาโรงพยาบาลบ่อยๆอีก มีเพียงพ่อที่ต้องคอยติดรถโรงเรียนลงมารับชุดทำแผลที่โรงพยาบาล ตอนนี้ก็ไม่ต้องลงมาบ่อยๆอีกเช่นกัน 
.
การไปหาบอยบ่อยๆทำให้บอยเริ่มพูดคุยกับเรามากขึ้น มีความเป็นกันเอง และมีปัญหาอะไรบอยและพ่อจะสามารถบอกกับทีมโดยตรงโดยเฉพาะป้าแน่ง พยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัวที่จะได้รับโทรศัพท์จากบอยและพ่อประจำ ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จอีกขึ้นที่มีความไว้วางใจระหว่างเราเกิดขึ้น

บอยมักจะพูดคุยถึงเรื่องเก่าก่อนมีสภาพเช่นนี้ ครั้งเมื่อตอนเด็กด้วยฐานะของครอบครัวทำให้บอยต้องเป็นเด็กเฝ้าไร่ความทรงจำหนึ่งที่บอยไม่เคยลืมคือเคยถูกเจ้าของไร่ข้างเคียงไล่ตะเพิด เมื่อพ่อเริ่มแผ้วถางที่ทำกิน อาชีพของครอบครัวสิ้นสุดเพียงแค่นั้น เมื่อเริ่มขยับจากวัยเด็กมาสู่วัยรุ่นต้นๆ บอยก็ต้องหยุดเรียน หันมาฝึกทำงานทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ต้องทำ ทั้งการเฝ้าบ่อปลาดุก หัดขับรถไถรถขุดแทรกเตอร์ เป็นเด็กปั๊มเลิกงานดึกดื่นก็เคยมาแล้ว ก่อนที่จะผันตัวเองไปทำงานในเมืองก่อนที่จะพบกับอุบัติเหตุ  จึงไม่แปลกที่ทุกครั้งเราจะเห็นความเป็นผู้นำของบ้านเกิดขึ้นกับบอย เพราะความรับผิดชอบในวัยเด็กของนั่นเอง ถึงแม้ร่างกายจะใช้ไม่ได้แต่บอยก็ออกแบบชีวิตตัวเองรวมถึงให้คำแนะนำต่อครอบครัวได้

การไปเยี่ยมบ้านของเรามักจะพบกับความเสี่ยงหลายครั้งที่บ้านบอย เช่น การเดินตกฝากไม้ไผ่บ่อยๆ เพราะไม้ที่ใช้มอดปลวกก็แทะกินไปเรื่อยๆ  บางครั้งก็เดินชนหลังคาสังกะสีที่ต่ำเตี้ยจนต้องก้มหรือบางครั้งก็ร้อนมากๆเวลากลางวัน นึกสงสัยว่าบอยจะรู้สึกอย่างไรเพราะต้องนอนอยู่ใต้หลังคานั้นทุกวัน พ่อบอกว่าสังกะสีไม่ได้ตอกตะปูถ้าลมแรงมากๆหลังคาก็เปิด เพราะเป็นหลังคาฝีมือหยาบๆของพี่ชายบอย บอยบอกว่าถ้าเขาทำได้มันคงไม่เปิดมาจนถึงวันนี้ ห้องน้ำบ้านนี้ไม่มีพ่อต้องเดินเข้าป่าทุกวัน ทั้งไปฝังกลบขยะถ่ายของบอยด้วย ส่วนเตียงที่โรงพยาบาลให้ไปก็ต้องปรับให้เหมาะกับสภาพพื้นบ้านคือ เอาล้อเหล็กทะลุลงใต้ถุนบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้เตียงทั้งหลังยุบลงไปกระแทกดิน ซึ่งเมื่อนานวันเข้าความเสี่ยงนั้นก็เริ่มจะเป็นจริง 

จากความเสี่ยงที่ว่าประกอบกับบอยเริ่มยอมรับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับตน  การที่จะลุกขึ้นมาเดินได้คงเป็นแค่ความหวังริบหรี่ เพราะแค่การนั่งด้วยตัวเองก็เป็นสิ่งที่ยากมาก ความฝันของบอยที่อยากจะเลี้ยงปลาดุกไว้ข้างบ้านถูกยกมาเป็นประเด็นให้เราต้องขบคิด เพราะสภาพการเจ็บป่วยของบอยในตอนนี้เราคงต้องยอมรับและต้องให้เวลากับบอยและพ่อในการหาทางจัดการชีวิตในส่วนที่เหลือ โดยมีทีมเราคอยให้คำแนะนำและกำลังใจ  เนื่องจากพ่อต้องทิ้งเวลาส่วนตัวและอาชีพไปเพื่อดูแลบอยดังนั้นการเสนอให้พ่อลองหาสมุนไพรท้องถิ่นมาจำหน่ายให้โรงพยาบาล และบรรจุถุงหารายได้เล็กๆน้อยๆถึงมันจะไม่มากพอที่จะมีเงินเก็บแต่มันก็ช่วยเยียวยาในเวลาฉุกเฉินสำหรับครอบครัวนี้ได้ สำหรับบ้านของบอยเป็นความโชคดี เพราะเมื่ออบต.โพนสูงได้รับเรื่องจากนักสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาลในการขอความช่วยเหลือให้บอย ได้รับเงินเบี้ยยังชีพคนพิการและความโชคดีชั้นที่สองต้องยกความดีให้ป้าแน่งพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัวที่เป็นนดูแลท่านอบต.คนใหม่ของพื้นที่ของบอย เพราะท่านมาป่วยที่โรงพยาบาลป้าแน่งเลยถือโอกาสประสานงานความช่วยเหลือด้านการปรับพื้นที่บ้านให้บอยไปเลย ซึ่งเพียงแค่สองวันถัดมาเราก็ได้รับการติดต่อจาก อบต.ให้ไปช่วยดูการปรับพื้นบ้านให้บอยใหม่ ทีมของเรารีบนัดแนะและเดินทางในตอนเช้าทันที เมื่อไปถึงเราเห็นทีมงานของอบต.กำลัง ขะมักเขม้นกับการรื้อพื้นฝากไม้ไผ่เก่าๆที่เราเคยเดินตกลงไปออก จนเหลืออยู่ครึ่งหลัง มีบอยนอนมองกำลังพลที่กระจายทำงานกันอยู่รอบบ้าน ทั้งรื้อหลังคา ปรับระดับพื้น ก่ออิฐ ขุดหลุมส้วมฯ โดยมีทีมเราคอยยืนให้ความเห็นในการปรับพื้นที่ให้เหมาะสมเพราะแผนของเราต่อบอยต่อไปคืออยากให้บอยสามารถใช้รถเข็นนั่งด้วยตัวเอง เพื่อจะได้ออกมาเลี้ยงปลาดุกข้างบ้านได้ตามที่ตั้งใจท่าน อบต.ให้คำยืนยันกับเราว่าบ้านของบอยจะแล้วเสร็จภายในสองวันซึ่งมันคงจะดีมากๆ และหลังจากวันนั้นเราคงจะได้เห็นรอบยิ้มจากบอยและพ่อเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเรากลับไปอีกครั้ง

การพบปะกันของฉันกับบอยคงอีกยาวนาน การเดินทางต่อสู้กับโชคชะตาตนเองของบอยก็คงจะยาวนานตลอดชั่วชีวิตของเขาเช่นกัน แต่สิ่งที่ฉันและทีมรู้สึกสัมผัสได้ก็คือการที่คนๆหนึ่งจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ต้องประกอบด้วยตัวเองเป็นสำคัญ เหนือจากนั้นต้องมีครอบครัว กัลญาณมิตร และเพื่อนร่วมโลกที่ไม่มองข้ามความเป็นไปของคนอื่น เพื่อทำให้คนๆหนึ่งก้าวข้ามคำว่า 
“ความโชคร้าย ในโชคชะตา”
 
 

เรื่องของบอยกับพ่อผู้ทระนง 2 : แลกฝัน

หลังจากที่บอยเป็นอย่างนี้ หน้าที่หลักในการดูแลทั้งหมดเป็นของพ่อ จะออกไปทำไร่อย่างเดิมก็ไม่ได้ รายได้ก็ไม่มี ทีมเราจึงพยายามคุยเพื่อหาทางที่พ่อต้องการเลือกเดิน ในการประคองชีวิต 2 พ่อลูกไว้ จึงมาพบว่าแถวบ้านมีสมุนไพรหลายตัวที่พ่อรู้จัก ไม่ไกลจากบ้านมากนัก เราจึงเสนอทางเลือกในการให้พ่อออกหาสมุนไพรบางตัวมาแปรรูปส่งโรงพยาบาล ทีมเราจึงติดต่อพี่นิด-รัชนีงานการแพทย์แผนไทย ผู้ดูแลเรื่องคุณภาพและการผลิตสมุนไพรของโรงพยาบาลให้ไปคุยและแนะนำพ่อบอยตั้งแต่การหา การแปรรูป จนถึงการบรรจุ เพื่อนำมาส่งขายให้โรงพยาบาลอีกทอดหนึ่ง โดยพ่อจะได้เงินสองต่อคือหาวัตถุดิบมาขาย และเงินจากการบรรจุถุง ซึ่งมันอาจจะไม่มากมาย แต่คงพอช่วยให้พ่อได้อยู่ดูแลบอยระหว่างวัน และคงพอเพียงที่จะประทังชีวิตสองพ่อลูกไปได้บ้างเวลาขัดสน

บอยและพ่อผ่านโชคชะตามามากมาย แล้วฟ้าหลังฝนก็มีเค้าความจริง ฉันก็ได้รับสัญญาณตอบรับอันดีจากบอย หลังจากที่กระทุ้งเรื่องที่บอยใฝ่ฝันไว้ คือการเลี้ยงปลาดุก ถึงแม้บอยจะเหลือเพียงกำลังแขนที่ทำได้แค่ยกกางออกมาตีพ่อตุ้บๆ เท่านั้น เพียงแค่นี้ก็เพียงพอกับการที่จะไปต่อ ของแผนการฟื้นฟูสภาพของฉันที่วาดไว้ให้บอย เมื่อเราได้คุยกันมากขึ้นพบกันมากขึ้น เวลาที่ฉันรอคอยก็มาถึง เมื่อเราลองแย้มความฝันของกันและกันและบอยมีทีท่าว่าจะยอมรับ ฝัน ที่ฉันจะแลกให้ ด้วยการให้บอยพยายามทำในสิ่งที่เหลืออยู่ เช่น ยกแขนให้มากขึ้น เหนี่ยวตัวมาลุกนั่งด้วยตัวเองบ้าง หลังจากที่ต้องนอนดูหลังคามานานแสนนาน ใช้เวลากับอุปกรณ์ออกกำลังกายดัดแปลง ที่ฉันและทีมงานเพียรเอาไปติดตั้งให้ มากกว่าการดูโทรทัศน์ช่องเดียวทั้งวัน และพยายามหาวิธีกินข้าวด้วยตัวเองในวันที่พ่อต้องออกไปธุระข้างนอก แทนการรอคอยให้พ่อกลับมาป้อนข้าวที่จะเหลือเพียงมื้อเดียวในวันนั้น 

ครั้งแรกที่ทดลองบอยก็ทำให้ฉันห่อเหี่ยว เพราะเขาบอกว่า กองไว้ตรงนั้นแหละ  ...มันทำได้แค่นี้ยังไงก็ไม่ดีขึ้นหรอก กลับจากการเยี่ยมครั้งนั้นฉันนึกมาตลอดทางว่าอุปกรณ์ที่เราเฝ้าออกแบบและทำไปให้นั้นมันคงแขวนนิ่งอยู่บนขื่อแน่ๆ และบอยคงไม่แยแสมันอีก ฝันของฉันและเขาคงไม่มีทางเป็นจริง 

แต่หลังจากวันนั้นมีคนข้างบ้านบอยลงมาโรงพยาบาลมาแอบบอกว่าเห็นเจ้าบอยลองนอนแกว่งแขนเล่นกับอุปกรณ์ที่เราติดไว้ให้  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉันรู้สึกดีใจขนาดไหนถึงไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง  บอยเริ่มเดินตามความฝันของฉันแล้ว และมันทำให้ฉันรู้ว่าเขามีความต้องการต่อสู้เพียงแต่เลือกที่จะป้องกันตัวเองออกจากความอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น  อีกครั้งที่เรากลับไปหาบอย พร้อมกำความลับไว้ และอุปกรณ์ตัวใหม่อีก 2-3 ชิ้นที่กลับมาวางแผนทำให้บอย ต่อหน้าเราเขาก็ทำเหมือนเคย คือ ทำเป็นทำไม่ได้แต่พอเราเผลอบอยดูจะสนอกสนใจกับของเล่นชิ้นใหม่และลองพยายามที่จะเล่นด้วยตัวเอง และเขาก็ทำได้ดีเสียด้วย ครั้งนี้เราเห็นบอยหยอกล้อกับพ่อด้วยการตีแรงๆ ด้วยแขนที่กางอ้าออกได้มากขึ้น ถึงการเล่นจะดูเจ็บแต่ฉันก็ยังเห็นพ่อยิ้มร่ากับการหยอกล้อของลูกชาย และเมื่อลูกชายยิ้มตอบรับพร้อมความเจ็บอีก 2-3 ตุ้บ พ่อก็ได้โอกาสฟ้องเราทันที “ตีพ่ออย่างนี้เรื่อยแหละ  แต่ฉันก็ไม่เห็นพ่อจะขยับหนีแต่อย่างใดทุกครั้งที่บอยตุ้บเอา มีแต่ยิ้มแล้วก็ปัดป้องมือลูกชายไว้ก็เท่านั้น  ฉันเดาเอาว่าบอยคงแสดงความรักกับพ่อไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะเลือกวิธีไหนในการหยอกเย้า วิธีนี้คงเป็นวิธีของลูกผู้ชายอย่างบอยที่จะบอกพ่อว่าเขาขอบคุณที่พ่อดูแลเขา

เมื่อพบสัญญาณที่ดีของบอยที่ส่งมา ทีมเราเริ่มวางแผนวาดฝันต่อทันที การขายฝันต่อให้ทีมงานวิทยาลัยการอาชีพที่เราประสานงานไว้ช่วยดูแลเรื่องการปรับอุปกรณ์เพื่อผู้พิการ ให้ร่วมออกแบบรถเข็นนั่งที่บอยน่าจะใช้ช่วยตัวเองในการไปไหนมาไหนได้แม้จะเหลือกำลังเพียงแขนและข้อมือเท่านั้น  กับทีมอบต.ที่ร่วมวาดฝันต่อว่าหากถึงวันนั้น วันที่บอยยอมรับที่จะใช้รถนั่งที่ทำให้ใหม่ และช่วยตัวเองได้มากขึ้น ฝันของบอยที่จะเป็นเจ้าของบ่อปลาดุกคงไม่ไกลเกินไป 

และเมื่อถึงวันนั้นเราคงได้เห็นรอยยิ้มของบอยและพ่อ...อีกครั้ง

             

 

เรื่องโดย แม่ขุนเขา

ขอขอบคุณ
อบต.โพนสูง
ทีมงานเยี่ยมบ้านสหวิชาชีพรพร.ด่านซ้าย
กองทุนดูแลสุขภาพและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุอำเภอด่านซ้าย

ความคิดเห็น

  1. 1
    jira
    jira 29/03/2010 11:46

    ดีจังเลยนะคะ เกือบร้องให้แนะ น่าสงสารบอยนะ แต่พระเจ้าก็ยังปราณีบอยอยู่มากที่ให้เกิดเป็นคนด่านซ้าย
    ขอบคุณเรื่องเล่าดีดีค่ะ ที่ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน กำลังขอผอ.ไปดูงานด่านซ้าย คงได้เจอกันนะคะ

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

view