ภูเขา ดนตรี จักรยาน..

ภูเขา ดนตรี จักรยาน..

 

ภูเขา ดนตรี จักรยาน ...

        ผมรู้ข่าวเกี่ยวกับกิจกรรมปั่นจักรยานเสือภูเขาที่ อช.ภูหินร่องกล้าประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนแข่งโดยจัดเป็นส่วนหนึ่งของงานกุหลาบขาวบานบนลานร่องกล้า จำได้ว่าวันที่พี่หนุ่ยธนามาบอกข่าวก็ยังลังเลใจอยู่ว่าจะไปหรือไม่ไปดี ที่อยากไปเพราะว่าไม่เคยไปลองสัมผัสบรรยากาศการแข่งขันที่เป็นจริงเป็นจังสักครั้ง ก็เลยอยากลองดู แต่ที่ยังลังเลใจก็เป็นเพราะไม่ค่อยมั่นใจในสภาพร่างกายของตัวเอง ถึงแม้จะออกกำลังกายเป็นประจำทั้งเล่นฟุตบอลและปั่นจักรยาน แต่การออกกำลังกายทั่วไปกับการแข่งขันจริงๆ มันก็มีความแตกต่างกันพอสมควร และอย่างที่รู้กันว่าอากาศในช่วงนี้ช่างร้อนอย่างร้ายกาจ ทำให้นักกีฬาสมัครเล่นอย่างผมต้องคิดพอสมควร

        หลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่ 1 คืนก็เลยตอบตกลงกับทีมงานว่าจะไปร่วมแข่งขันด้วย โครงการก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา กำหนดการคร่าวๆ ก็ตกลงกันว่าจะออกเดินทางเย็นวันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2553 เวลาห้าโมงเย็น นัดเจอกันที่หน้าตึกผู้ป่วยนอก ส่วนอาหารเย็นก็ไปจัดหากันที่อุทยานฯ โดยทริปนี้ก็มีผู้ร่วมทางร่วมสิบชีวิตจากหลากหลายหน่วยงานไม่ว่าจะเป็น พี่อี๊ดพร้อมภรรยา พี่หนุ่ยธนา พี่เหลิม ช้าง(รปภ.)  ไผ่ เอี้ยม โซล่า ซันเดย์ แอ๊ด บอล ลุงติ่ง แต่ละคนก็เตรียมสภาพร่างกายและจักรยานคู่ใจกันเต็มที่

        เย็นวันศุกร์ทางทีมงานก็เริ่มออกเดินทางจากด่านซ้ายเวลาประมาณห้าโมงครึ่ง ก่อนขึ้นอุทยานฯ ก็แวะเตรียมเสบียงที่ปั๊ม ปตท.ที่อำเภอนครไทย พอเดินทางถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมบริเวณทางขึ้นอุทยานฯ ก็เริ่มมืดแล้ว โดยจุดนี้จะใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการแข่งขันจักรยานในวันรุ่งขึ้น ระหว่างที่รอลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็ลองสังเกตบรรยากาศรอบข้างก็พบว่ามีผู้ร่วมงานค่อนข้างมากโดยเฉพาะแนวร่วมรถจักรยานยนต์คลาสสิกซึ่งจะพบได้ตลอดทางขึ้นอุทยานฯ หลังจากที่ผ่านด่านตรวจแล้วระหว่างขับรถขึ้นอุทยานฯ ทางทีมงานก็ลองสังเกตเส้นทางที่จะใช้แข่งขันไปพลาง ต้องยอมรับว่าเป็นเส้นทางที่ยากพอสมควรสำหรับมือใหม่อย่างพวกเราหลายคน เพราะเป็นทางขึ้นเขาตลอดและแทบจะไม่มีช่วงที่เป็นทางราบเลย ถึงแม้ทางจะไม่ชันมากแต่ด้วยระยะทางร่วม 10 กิโลเมตรและบางช่วงก็เป็นทางที่กำลังก่อสร้างอยู่ ก็ทำให้เหล่าทีมงานเราหวั่นใจเหมือนกัน แต่ไหนๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องลองทดสอบกันหน่อย หลังจากเดินทางถึงที่พักซึ่งเป็นลานกางเต็นท์แล้วทางทีมงานก็ร่วมกับรับประทางอาหารเย็นในรูปแบบขันโตกพร้อมกับฟังดนตรีเพราะๆจากพี่ๆวงมิตรภาพ (นี่ก็เดินทางมาจากด่านซ้ายเพื่อมาร่วมแสดงโดยเฉพาะ)และศิลปินน้าหงา คาราวานพร้อมทีมงาน ก็เรียกว่าได้ทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจกันไปสำหรับแฟนเพลงเพื่อชีวิต พองานดนตรีเลิกประมาณสี่ทุ่มครึ่งทางทีมงานก็เริ่มแยกย้ายกันพักผ่อน ปัญหาที่ตามมาก็คือไม่มีใครเตรียมผ้าห่มกันมาเลยเพราะคิดว่าอากาศคงจะร้อน แต่บนภูหินร่องกล้าตอนกลางคืนต้องเรียกว่าแตกต่างกับอากาศข้างล่างโดยสิ้นเชิงมีทั้งลมแรง(จนเต็นท์แทบจะกลิ้งลงเนิน)และอากาศที่เย็นไม่ต่างจากฤดูหนาว พอเข้าเต็นท์ได้ทุกคนก็รีบนนอนทันทีเก็บแรงไว้พิชิตเส้นทางแข่งขันในวันรุ่งขึ้น

        เช้าวันแข่งทุกคนตื่นแต่เช้า ทำธุระส่วนตัวเสร็จเราก็เดินทางสู่จุดปล่อยตัว มีผู้เข้าแข่งขันจากหลายจังหวัดและทุกช่วงอายุแต่ละคนก็ดูเตรียมตัวกันมาอย่างเต็มที่ มีนักปั่นที่เข้าร่วมแข่งบางคนบอกว่าได้มาลองเส้นทางตั้งแต่เมื่อวาน บางคนก็เพิ่งเดินทางมาถึงในช่วงเช้ามืดนี่เอง หลังจากเสร็จจากขั้นตอนการลงทะเบียนก็เข้าสู่การแข่งขัน หลังจากเริ่มปล่อยตัวนักกีฬาแต่ละคนก็ทะยานออกตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วง 1 กิโลเมตรแรกนักปั่นยังเกาะกลุ่มกันอยู่ มีบางคนเท่านั้นที่ฉีกตัวนำห่างออกไป พอผ่านไปได้สักพักเมื่อระยะทางเริ่มไกลขึ้นกลุ่มนักปั่นก็เริ่มกระจายกันมากขึ้น นักปั่นหลายท่านก็เริ่มพบปัญหากับจักรยานหรือสภาพร่างกายของตัวเองก็จำเป็นต้องออกจากการแข่งขันไปบ้าง ส่วนใครที่ยังพอไหวอยู่ก็ปั่นกันต่อไปตามแผนของตัวเอง ก็เรียกว่านอกจากจะอาศัยกำลังกายและจักรยานที่มีความพร้อมแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือกำลังใจของนักแข่งเองที่จะพาตัวเองไปสู่เส้นชัยให้ได้ นอกจากนี้ระหว่างทางเราก็จะได้เห็นการให้กำลังใจกันระหว่างนักปั่นด้วยกันเอง ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจด้วยคำพูดหรือรอยยิ้มทำให้รู้สึกว่าการปั่นจักรยานครั้งนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อชัยชนะอย่างเดียวแต่เรายังได้มิตรภาพที่ดีกลับไปด้วย การแข่งขันก็ดำเนินไปตลอดช่วงเช้าจนถึงเที่ยงวันก็เสร็จสิ้น บรรยากาศหลังแข่งก็มีการจับกลุ่มพูดคุยกันระหว่างนักปั่นจากหลายๆทีม ก็เรียกว่าพักเหนื่อยกันไปพูดคุยถึงบรรยากาศการแข่งขันกันไปได้อรรถรสไปอีกแบบ ในส่วนผลการแข่งขันนั้นทางทีมงานของเราก็ไม่มีใครได้ขึ้นแท่นรับรางวัล แต่ก็ไม่ได้มีใครจริงจังกับเรื่องนี้อยู่แล้วบรรยากาศของการพูดคุยหลังแข่งจึงเป็นไปในรูปแบบของการแซวกันเป็นส่วนใหญ่ก็สนุกสนานกันไป

        ช่วงบ่ายหลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยทางทีมงานก็เดินทางกลับสู่อำเภอด่านซ้ายทันที โดยแวะกินข้าวเที่ยงที่อำเภอนครไทย แต่ละคนก็เรียกว่ากินกันเต็มที่เพราะสูญเสียพลังกับการปั่นจักรยานในช่วงเช้าไปมาก เมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยและแบ่งสัมภาระกันแล้วแต่ละคนก็ขอตัวไปพักผ่อนตามอัธยาศัย เป็นการเสร็จสิ้นทริปภูหินร่องกล้าอย่างสมบูรณ์แบบ

view