ชะโงกทัวร์
04.30 น. เรานัดลูกทัวร์ทุกคนที่โรงพระยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย เรานัดกันแบบนัดพี่ไทย คือ เลดเวลาไว้ครึ่งชั่วโมง
05.00 น. ล้อหมุนออกจากโรงพระยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย เรามุ่งหน้าเข้าเมืองเลยเพราะจุดมุ่งหมายแรกเราต้องการไปที่วัดถ้ำกลองเพลที่ภูเขียว ชัยภูมิ ทริบช่วงเช้านี้เราจะไปแบบชื่อทัวร์ของเราคือ ชะโงกดูแบบเร็วๆเพราะจุดมุ่งหมายที่จะใช้เวลาอยู่นานๆคือที่ หนองคาย เราไปถึงที่วัดถ้ำกลองเพลเวลาประมาณ 1 โมงเช้าหน่อยๆ ทุกคนเหมือนกันหมดคือไม่เคยแวะเขามาดู เคยแต่ผ่านทางไป ก็แปลกตาดีเหมือนกันสำหรับสิ่งธรรมชาติสร้างขึ้น จุดหมายต่อไปคือตามรอยเท้าไดโนเสาร์พันปีและหอยแครงพันปี มันเป็นทางผ่านที่เราย้อนกับมาหนองคายอยู่ระหว่างเส้นทางอุดรธานี – หนองบัวลำภู เพราะเราจะมาอกที่นากลางหนองบัวลำภู
เวลาประมาณเกือบ 3 โมงเช้า เราถึงจะกินข้าวเช้ากันที่แรกตั้งใจไว้ว่าจะไปหาข้าวกินที่ตัวเมืองอุดรแต่ทุกคนบอกรอไม่ไหวขอกินตรงไหนก็ได้ เราเลยหาที่จอดรถกินข้าวกันตามร้านข้างทางเลย (ตัวเมืองหนองบัวมาหน่อยหนึ่ง) เราได้ร้านชื่ออะไรก็ไม่รู้ขายอาหารตามสั่งก็พวกก๋วยเตี๋ยว เกาเหลาเลือดหมู ประมาณนั้น เราจึงสั่งข้าวกันตามใจชอบ เราใช้เวลากินข้าวประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นเราจึงมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอุดรธานี เพื่อที่จะออกไปทางหนองคาย จากอุดรธานีไปหนองคายใช้เวลาเดินทางนิดเดียวเพราไม่กี่กิโล
เมื่อเข้าถึงตัวเมืองหนองคายล้อรถหยุดหมุนที่ตลาดท่าเสด็จ จัดการถ่ายรูปกันที่ป้ายให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปหาดูข้าวของหรือซื้อของตามใจชอบ เรานัดกันไว้ตอนเที่ยงเจอกันที่รถ ตลาดท่าเสด็จก็ไม่ข้าวของอะไรมาก เดินแป๊บเดียวก็ทั่วพื้นที่แล้ว สิ่งที่ดูดเงินจากกระเป๋าลูกทัวร์เรามากที่สุดแว่นตาดำเพราะลูกทัวร์เราใส่แว่นตาดำใหม่เกือบ 5 คน มีคนซื้อหมูยอมาเหมือนกันประทับใจมากเลยเพราะเปิดดูจากห่อเท่าแขนมีหมูยอเท่าหัวนิ้วมือ นอกจากนั้นเป็นใบตองหมด อร่อยสู้ของที่ร้านขายถูกในโรงพยาบาลก็ไม่ได้
12.00 น. เราออกรถมาที่สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แต่ก่อนที่จะถึงสะพานมีเด็กโบกรถข้างทางถามว่าจะไปไหน เราบอกว่าจะไปดูสะพานเท่านั้นแหละไม่ได้ข้ามไปฝั่งโน่นหรอก เด็กโบกรถเลยไล่รถเราไปเส้นทางหนึ่งอยู่ลึกลงไปจากถนนใหญ่ แต่เลียบไปกับถนนใหญ่ ไปโผล่ออกทีใต้สะพาน เราเลยพากันงงว่าจะไปถ่ายรูปกันที่สะพานได้ยังไง เลยเข้าไปถามพี่ยามที่อยู่ป้อมของหมวดการทาง พี่ยามเลยบอกให้ขับรถเข้าไปในแขวงนี่แหละจะไปออกที่หาดเจ้าสำราญที่อยู่ใต้สะพานน้ำลดลงมากเป็นหาดทรายกว้างพอดู หาดสำราญมีร้านค้าขายอาหารและพวกแพเช่า ห่วงยางให้เช่า เราเลยกินข้าวเที่ยงกันที่หาดเจ้าสำราญมีอาหารพวกปลาเผา ต้มยำปลาน้ำโขง แต่บอกเลยว่าแพงมาก แต่หนุ่มๆบอกแพงก็จะกิน เพราะเด็กเสริฟอาหารสวยๆคอยบริการอาหารทำให้อยู่กันที่หาดเจ้าสำราญกันนานหน่อยหนุ่มบางคนแทบไม่อยากหลับเลยที่เดียว
เราออกจากหนองคายเพื่อเลียบมาตามลพโขงมาทาง อ.ศรีเชียงใหม่ อ.สังคม ของหนองคาย เข้ามาที่ปากชม เพื่อออกที่เชียงคาน ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปกันที่สวนดอกไม้ดัดของ อ.ศรีเชียงใหม่ เราจอดกันทุกที ที่เป็นจุดชมวิวของน้ำโขง เราได้ดูทิวทัศน์ของลำน้ำโขงตอนน้ำแห้งแล้วก็สวยดีเหมือนกันมีโขดหิน เจดีย์ทราย โผล่ขึ้นทั่วไป บางที่มองเห็นแต่โขดหิน กองทราย มองไม่เห็นน้ำเลย นึกหดหู่อยู่เหมือนกันว่าพวกปลาใหญ่ๆอย่างปลาบึก มันจะยังมีอยู่ตามธรรมชาติอีกไหม หรือมีแต่ในกระชังที่เลี้ยงไว้เท่านั้น
เลียบน้ำโจงมาเรื่อยๆจนถึงแก่งคุดคู้ของเชียงคานเราเข้าไปดูกะว่าจะกินข้าวเย็นกันที่แก่งเพราะเย็นมาแล้ว แต่เราเข้าไปไม่มีร้านอาหารพอทีจะนั่งกินได้เลย เพราะใกล้ค่ำแล้ว เลยแวะพักถ่ายรูปกันนิดหน่อยที่แก่งคุดคู้ จากนั้นเราออกมาที่ตัวเมืองเชียงคานบาสคนขับรถของเราเลยพาเข้าไปดูถนนคนเดินของเชียงคานมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ มากพอดู บ้านทุกหลังของถนนเส้นนั้นจะเป็นแบบบ้านทรงโบราณ บางหลังก็ตกแต่งใหม่แต่ต้องออกแนวโบราณเท่านั้น เขาอนุรักษ์ไส้ดีมากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเชียงคาน
เราออกรถจากเชียงคานนั้นค่ำแล้วจึงต้องหาทานข้าวเย็นกันเราตกลงกันที่จะกิน บุฟเฟ่ต์กันที่ร้าน ปัง ปัง เป็นร้านหมูกระทะ อยู่ข้างกุดป่อง มีอาหารมากมาย หัวละ 99 บาท เรากินกันพุงกางกันเลยที่เดียว จากนั้นเราก็กลับถึงด่านซ้าย ถึงด่านซ้าย 4 ทุ่ม
ขอบคุณ.........บาส (พี่ชายบอล) ที่จอดรถทุกทีที่คนต้องการและมิตรภาพดีๆ ที่เกิดขึ้นกับคณะทัวร์ทุกคน
