เที่ยวล้านนาตะวันออก

เที่ยวล้านนาตะวันออก

เที่ยวล้านนาตะวันออก

        แปดโมงเช้าของวันที่ 16 เมษายน 2553  จุดนัดหมายรวมตัวกันที่ บ้านพี่แปว (วีระชัย)  13 ชีวิต  กับ รถกระบะ 2 คัน สมาชิกทัวร์ลูกทุ่งของเราประกอบไปด้วย  พี่แปว ,  พี่หน่อ, พี่สิงห์ , พี่ตุ่น , พี่อาร์ท ,   พี่แดง , เล็ก , น้อย , เอด , เอ็ด , ข้าวฟ้าง , ข้าวปลาย และ ป้อน ( ซึ่งจะไปรับที่จ.แพร่ )

       เมื่อสมาชิกครบ  ก็เริ่มออกเดินทางโดยรถกระบะ คันที่ 1 ขับโดย พขร. เอ็ด บรรทุกสมาชิกลูกทัวร์     คันที่ 2 ขับโดย พขร. พี่อาท บรรทุกสัมภาระ มีตุ๊กตาหน้ารถเป็นศรีภรรยาสุดที่รักนั่งไปด้วย  โดยใช้เส้นทาง อำเภอนครไทย  อำเภอชาติตระการ   แวะทานข้าวเที่ยงที่อำเภอชาติตระการ  อิ่มท้องแล้วเดินทางต่อไปยังอำเภอทองแสนขัน  แล้วเข้าสู่ถนนสายเอเชีย  เป็นปกติช่วงเทศกาล ถนนเส้นนี้จะรถติดมากเส้นทางระหว่างอุตรดิตถ์ไปแพร่ แต่ถือว่าโชคดีมาก ถนนขาขึ้นเหนือไม่ค่อยมีรถมีแต่ขากลับรถเยอะและติดกันยาว            ถึงอำเภอเด่นชัย   แวะเที่ยววัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรม  ซึ่งเป็นวัดที่รวบรวมศิลปกรรมล้านนาประยุกต์ที่สวยงาม   เดินทางไปยังพระธาตุช่อแฮ  พา ข้าวฟ้าง ไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิด คือ ปีขาล       จะไหว้พระธาตุต้องเดินขึ้นบันไดไป  ขึ้นยังไม่ถึงครึ่งทางเลย พี่ตุ่น เริ่มหอบเริ่มเมื่อย  ( ไม่รู้เพราะอายุหรืออากาศร้อน....555... )  ห่างจากพระธาตุช่อแฮไปอีก 2 กิโล  ซึ่งพวกเราก็ได้แวะไปไหว้พระธาตุจอมแจ้ง และ ช่วงนั้นท้องฟ้าเริ่มครึ้มเหมือนฝนจะตก ลมพัดแรง พวกเราจึงหยุดการเดินทาง  นี่ถ้าอากาศไม่แปรปวน พวกเราคงจะได้ไหว้พระจนครบ 9 วัด ( แต่ก็ได้ไหว้พระสามอิริยาบถในวันเดียว คือ พระนอน  พระนั่ง  พระยืน ) แล้วไปหาซื้อของสำหรับทำกับข้าวมื้อเย็นทานกัน ที่บ้านของเล็ก และซื้อเสบียงสำหรับเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้   ระหว่างทางไปบ้าน ถนนตลอดสายที่จังหวัดแพร่ยังมีการเล่นสาดน้ำสงกรานต์อยู่  สมาชิกที่นั่งหลังกระบะโดนสาดน้ำเปียกจนหายร้อน  ผ่านบ้านทุ่งโฮ้ง แวะซื้อเสื้อหม้อฮ่อม ทุกคนก็ได้ซื้อฝากลูกฝากหลานกันสมใจ   พอเลี้ยวรถเข้าประตูบ้านไป เจอ ด.ช.ป้อน ยืนยิ้มรอ การมาเยือนของคณะทัวร์แล้ววิ่งมากอด แม่เล็ก ด้วยความคิดถึง เก็บกระเป๋าของใช้ที่จำเป็นลงจากรถ ก็ทำกับข้าวทานกัน  ช่วงที่ทานข้าวกันอยู่นั้น มีฝนตกลงมาทำให้ช่วยคลายความร้อนลงไปได้   พี่แดง ก็พูดขึ้นว่า  ถ้าฝนไม่หยุดตกเราจะไปเที่ยวที่น่านกันได้ยังไง น้อย ก็บอกว่า มันไม่ตกถึงวันพรุ่งนี้หรอก ได้มาแล้วยังไงก็ต้องไป   แต่พอเราทานข้าวเสร็จกันได้ไม่นาน  ฝนก็หยุดตก  จากนั้นพวกเราต่าง ทยอยกันไปอาบน้ำ  นอนหลับพักผ่อน  เอาแรงไว้เดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น

       หกโมงเช้าวันที่ 17 เมษายน 2553    ทุกคนต่างตื่นนอนแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว   พอเสร็จก็ออกเดินทางไปจังหวัดน่านระหว่างทาง  แวะซื้อมีด  จอบ เสียม ซึ่งเป็นสินค้า  OTOP  ของบ้านหนองห้า ซึ่งมี    ขายอยู่สองข้างทางก่อนถึงอำเภอร้องกวาง  พี่แปว  ได้มีดกับจอบสำหรับทำสวน  และแวะทานข้าวเช้า ที่อำเภอร้องกวาง เป็นอำเภอสิ้นสุดเขตจังหวัดแพร่ ออกเดินทางไปอำเภอเวียงสาและอำเภอนาน้อย  ซึ่งเป็นอำเภอที่ทุกคนต่างก็ไม่เคยไป  แวะเที่ยวอุทยาน ศรีน่าน  ผาชู้   ด้วยความที่อากาศร้อนทุกคนลงมติว่า  จะไม่แวะที่ไหนอีกแล้วจะมุ่งหน้าไปลงแพที่หมู่บ้านประมงปากนาย   อำเภอนาหมื่น   ระหว่างทางไปหมู่บ้านประมงเป็นทางขึ้นเขาที่คดเคี้ยวถนนแคบ ๆ มีทิวทัศน์สวยงาม  ทำให้ทุกคนต่างตื่นเต้นกับเส้นทางนึกว่าจะมีแต่ที่ด่านซ้าย  ยังมีอีกหรือ ที่มีเส้นทางแบบนี้และยังมีเส้นทางที่โหดกว่าด่านซ้ายอีก  อยากจะพูดดัง ๆ เป็นภาษาอีสานว่า  ปานไดอีฮอด ทางก็แคบ ๆ  โค้งก็โค้ง ข้าวปลาย จนฮาก แล้วมันแม่นทางนี้บ่เนี่ย  ย้านหลงทางจัง   ซึ่งเป็นเส้นทางที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต โดยเฉพาะ พี่สิงห์ บอกว่าประทับใจการเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้มาก เส้นทางที่เราใช้เดินทางไปในสถานที่ต่างๆจากในเมืองที่เป็นถนนลาดยางสู่ถนนทางลูกรังเปรียบเสมือนเราเดินทางเข้าป่าโดยที่เราไม่รู้ว่าจะถึงจุดหมายตอนไหน มันท้าทายดีครับ พี่สิงห์เค้าบอกอย่างงั้น    และแล้วเราก็มองเห็นป้ายบอกทาง  ปากนาย 4  ( กิโล ) ก็เลยให้ นายเอด ลงถ่ายรูปคู่กับป้าย  ไปอีกสักหน่อยก็เห็นแม่น้ำน่านอยู่ริบ ๆ  ต่างคนก็รู้สึกโล่งใจถึงแล้ว .......ปากนาย ......   แล้วก็ลงแพสั่งอาหารทานกันอย่างอิ่มหน่ำสำราญ เจ้าของแพบอกพวกเราว่าเมื่อคืนมีพายุเข้าแพพังไปหลังหนึ่ง แล้วก็ชี้ให้เราดูซากแพ  ชักเริ่มลังเลกันแล้วว่าจะนอนแพอยู่กับที่หรือจะลากออกไป  แพถ้านอนอยู่กับที่จะมีไฟฟ้า มีคาราโอเกะให้ร้องตลอดคืน แต่ถ้าเป็นแพลากออกไปไว้ตามจุดที่เราต้องการความเป็นส่วนตัวจะไม่มีไฟฟ้า ใช้ตะเกียงจุดให้ความสว่างได้บรรยากาศไปอีกแบบ  สอบถามความปลอดภัยกับเจ้าของแพเรียบร้อย  พวกเราก็ลงมติกันอีกครั้ง 8 ต่อ 2 เสียง ( ตามกระแสรักประชาธิปไตยแต่ไม่ได้ใส่เสื้อแดงนะจ๊ะ )  ที่จะลงแพลาก ซึ่งอาจจะไม่ค่อยถูกใจคอคาราโอเกะอย่าง พี่หน่อ ซักเท่าไร  จากนั้นก็ลากแพไปยังจุดที่เราต้องการเขาก็ปล่อยเราไว้  กิจกรรมที่พวกเราทำร่วมอย่างมีความสุขจนคนบางคนลืมคาราโอเกะไปเลยเช่น  ตกปลา  เล่นน้ำ      ดูเรือชาวประมงออกหาปลาตอนกลางคืน  ทานข้าว นั่งคุยกันมันเป็นบรรยากาศรู้สึกดีมากๆ ซึ่งถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลคนบางคนเราแทบจะไม่ได้คุยกับเค้าเลย แค่เห็น แค่ยิ้มให้และต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง    ส่วนเจ้าของแพก็ให้คนขับเรือหางยาวมาดูแลพวกเราเป็นระยะๆ  สัญญาณโทรศัพท์ก็ใช้ได้แต่ GSM

       แปดโมงเช้าวันที่ 18 เมษายน  2553   ทุกคนตื่นนอนแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว  จากนั้นก็ลากแพกลับที่เดิม เก็บสัมภาระขึ้นรถ ขับรถไปยังโป๊ะเรือข้ามฟากซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแพที่พวกเราพักกัน  เพื่อที่จะเอารถข้ามฟากจากหมู่บ้านประมงปากนายไปยังฝั่งอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์   แวะชมเขื่อนสิริกิติ์และทานข้าวกลางวัน  ก็แวะดูต้นสักใหญ่ที่วนอุทยานต้นสักใหญ่  ต่อจากนั้นก็เดินทางไปยังอำเภอทองแสนขัน  อำเภอชาติตระการ  จังหวัดพิษณุโลก  แวะเที่ยวน้ำตกชาติตระการ  แล้วก็เดินทางกลับอำเภอด่านซ้ายโดยสวัสดิภาพ   การเที่ยวในครั้งนี้บรรยายเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน อาจจะไม่สละสลวยเท่าใดนัก  แต่หากเป็นภาษาใจและความประทับใจ กลับมาแล้วนั่งคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ก็ทำให้หัวใจยิ้มพองโตได้เหมือนกันหวังว่าสมาชิกที่ร่วมเดินทางในทริปนี้คงจะมีความสุขกันถ้วนหน้า

        ท้ายสุดนี้ก็ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ที่จัดให้มีโครงการนี้ทำให้พวกเราได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา และ อยากให้มีโครงการดี ๆ แบบนี้ต่อๆไป ............ขอบคุณครับ / ค่ะ

 

view